“ผู้ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่พิษ” เป็นคำเปรียบเปรยที่ต้องการสื่อให้ผู้หญิงอย่างเรารู้ว่า คนที่เป็นชายชาติอาชาไนย ย่อมต้องมีวิสัยเจ้าชู้เป็นธรรมดา แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปผู้หญิงผู้ชายมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าความเจ้าชู้ของผู้ชาย (บางคน) จะลดน้อยลง สาว ๆ ที่เสพข่าวปัญหาหย่าร้างของคนดังแล้วกังวลใจกับการใช้ชีวิตคู่ thechetter.com มี 5 วิธีคิด เมื่อต้องรับมือมือกับสามีจอมเจ้าชู้ มาแนะนำ ค่ะ
5 วิธีคิด เมื่อต้องรับมือมือกับสามีจอมเจ้าชู้
ปัญหาใหญ่ในการครองชีวิตคู่ของทุกครอบครัว ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความเจ้าชู้ การนอกใจ และปัญหามือที่ 3 ซึ่งก็ไม่ได้หมายความถึงความเจ้าชู้ของผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว เมื่อเป็นสังคมยุคใหม่ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายมากขึ้น สาเหตุของการหย่าร้างจึงเกิดได้ทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายชาย และสิ่งสำคัญผู้หญิงส่วนหนึ่งต้องอดทนด้วยหลายเหตุผลที่ไม่สามารถหย่าหรือแยกทางกันได้ง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อพระเจ้าสร้างชายและหญิงให้เกิดมาคู่กัน ผู้หญิงส่วนหนึ่งที่มีปัญหาเหล่านี้ ก็ต้องพร้อมรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีให้ได้ ด้วย 5 วิธีคิดต่อไปนี้
1. การหย่าร้างไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
ผู้หญิงหลาย ๆ คนอาจคิดว่าการรับมือกับสามีจอมเจ้าชู้นั้นเป็นเรื่องยาก หรือมีคำถามย้อนกลับว่า “ทำไมต้องอดทนกับความเจ้าชู้ของสามี” สิ่งแรกต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าความเจ้าชู้ของสามีเราอยู่ระดับไหน ยังดูแลครอบครัว รับผิดชอบลูก ให้ความสำคัญกับภรรยาอยู่หรือไม่ หากทุกสิ่งอย่างยังอยู่ครบ การหย่าร้างไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา วิธีรับมือที่ถูกต้อง เมื่อผู้ชายเจ้าชู้เปรียบเหมือนงูที่มีพิษ ผู้หญิงอย่างเราก็ต้องคิดให้ได้ว่า ถ้าไม่มีจริต เราก็คงหมดสิทธิ์ที่จะรีดพิษงู เมื่องูที่มีพิษร้ายแรงยังถูกรีดพิษได้ เราซึ่งเป็นภรรยาก็ต้องใช้จริตในการรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีได้เช่นกัน หมั่นทบทวนตัวเองแล้วเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายเข้าไปก็สามารถรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีได้ไม่ยาก
2. การครองชีวิตคู่ เปรียบเสมือนการเสี่ยงโชค
คำโบราณกล่าวไว้ว่า “การใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนกับการซื้อลอตตอรี่เสี่ยงโชค หากโชคดีได้สามีที่ดีไม่เจ้าชู้ประตูดินก็เปรียบเหมือนถูกลอตตอรี่รางวัลที่1” ดังนั้นผู้หญิงเราเมื่อตัดสินใจแต่งงาน ก็ต้องทำใจและยอมรับผู้ชายที่ไม่เจ้าชู้นั้นอาจจะหายากพอ ๆ กับการถูกลอตตอรี่รางวัลที่ 1 แต่ก็มีโอกาสถูก บางคนอาจโชคดีอยู่บ้างเหมือนกับการถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวหรือ 3 ตัว คือเจ้าชู้เงียบแต่กลัวและเกรงภรรยา หากถูกจับได้ก็อาจเลิกราไปในที่สุด
3. ควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ แบบไม่ให้รู้ตัว
ผู้ชายเจ้าชู้มีหลายรูปแบบ หากเราต้องการรับมือต้องรู้ก่อนว่าสามีเรามีพฤติกรรมความเจ้าชู้อย่างไร กรณีตัวอย่างหากเป็นคนเจ้าชู้ เอ็นดูเด็ก ชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย ความเจ้าชู้ลักษณะนี้สิ้นเปลืองเงินทอง ต้องทุ่มเทเลี้ยงดู หากหมดเงินก็คงหมดฤทธิ์ กรณีมีกิจการหรือธุรกิจที่ต้องร่วมกันดูแล เราต้องยอมเหนื่อยควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ดูแลกิจการบริหารเงิน บริการรายได้ของครอบครัวด้วยตัวเอง อย่าใช้อารมณ์ต้องรู้จักใช้จริตให้เป็นประโยชน์ เพราะหากใช้วิธีออดอ้อนก็คงไม่เกิดผล อย่าให้สามีรู้สึกว่าเราควบคุมแต่ตรงกันข้ามให้รู้สึกว่าเราแบ่งเบาภาระ
4. กดดันด้วยการทำตัวเป็นแม่พระ
ครอบครัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานจนมีฐานะที่มั่นคง การรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีด้วยการหย่าร้าง อาจทำให้มีปัญหาตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูก ๆ ในกรณีที่สามีเจ้าชู้แบบสมพานกินไก่วัด คือเจ้าชู้กับคนใกล้ตัว ลักษณะนี้นอกจากทำให้ภรรยารู้สึกตรอมใจแล้วยังทำให้รู้สึกอับอายเพราะบางครั้งเจ้าชู้กับคนที่ภรรยารู้จักสนิทสนมด้วย วิธีรับมือกับผู้ชายเจ้าชู้ลักษณะนี้ ภรรยาต้องเป็นแม่พระเท่านั้นรู้ว่าสามีกำลังเริ่มเจ้าชู้กับใคร ภรรยาต้องเข้าไปทำความรู้จักให้ความสนิทสนมโดยไม่แสดงออก สามีจะรู้สึกอึดอัดรวมถึงผู้หญิงที่สามีไปติดพันด้วย
5. อย่าคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว
การใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีปัญหาขึ้นมาต่างคนก็ต่างคิดเข้าข้างตนเอง คิดหาเหตุผลและความถูกต้องของตนเองเป็นหลัก ความขัดแย้งก็จะไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะปัญหามือที่สาม ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงตกหลุมสบาย หรือในช่วงที่ฐานะเริ่มมีความมั่นคงแล้ว การรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีต้องไม่คิดเข้าข้างตนเองเพียงฝ่ายเดียว ตรงกันข้ามลองทบทวนตนเองอาจพบข้อบกพร่องที่เราต้องแก้ไข หรือเว้นระยะห่างเพื่อให้ต่างคนได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง
สรุป
วิธีรับมือกับสามีจอมเจ้าชู้ อาจไม่ใช่สูตรสำเร็จที่นำไปใช้แล้วได้ได้ผลลัพธ์แน่นอน แต่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละครอบครัวได้ ส่วนจะประสบความสำเร็จสามารถรับมือกับความเจ้าชู้ของสามีได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับแนวคิดและมุมมองของภรรยา สิ่งสำคัญการแก้ปัญหาต้องไม่ประชดหรือหลอกตัวเอง เพราะคงไม่มีสามีภรรยาคู่ไหนที่อยู่กินหรือแต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน เมื่อมีความรักเป็นต้นทุนอยู่แล้วหากความรักจืดจางลงหรือความรักเริ่มหมดไป ก็สามารถเปลี่ยนความรักเป็นความเข้าใจและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ
บทความโดย