องค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน อาจไม่ได้วัดกันที่ผลประกอบการหรือผลกำไรที่ได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของสินค้าและบริการของบริษัทที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข็งที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันด้วย BCG Matrix ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นอกจากทำให้เห็นผลกำไรตามแผนงานที่วางไว้แล้ว ยังเห็นถึงการเติบโตขององค์กรได้อย่างเด่นชัดจาก
BCG Matrix คืออะไร
BCG Matrix คือ โมเดล ที่ใช้วิเคราะห์ด้านการเงินการลงทุนเกี่ยวกับการตลาด ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Bruce D. Henderson นักธุรกิจชาวอเมริกัน และยังเป็นผู้ก่อตั้ง Boston Consulting Group (BCG) หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์ทางธุรกิจ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง BCG Matrix ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้บริษัทหรือองค์กรธุรกิจ สามารถจัดสรรทรัพยากร การวิเคราะห์ในการทำการตลาดของแบรนด์ การจัดการผลิตภัณฑ์ การจัดการเชิงกลยุทธ์ และการวิเคราะห์พอร์ตโฟลิโอของสินค้าหรือธุรกิจ โดยใช้เกณฑ์ในการพิจารณา 2 เกณฑ์ ได้แก่
1. ส่วนแบ่งการตลาดเชิงเปรียบเทียบ
เกณฑ์ในข้อนี้ เป็นการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ว่าส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ของบริษัท เป็นกี่เท่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่สำคัญ หรือเป็นการเปรียบเทียบส่วนแบ่งตลาดสินค้าและบริการของบริษัท ว่าแตกต่างจากคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน ถ้าธุรกิจมีส่วนแบ่งตลาดสูง เป็นผู้นำด้านการตลาด ลูกค้าก็มักยอมรับในตัวสินค้าและบริการของบริษัทได้ง่าย ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ มากกว่าธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ
2. ความน่าสนใจของตลาด หรืออัตราการเจริญเติบโตของสินค้า
เกณฑ์ในการพิจารณาความน่าสนใจของตลาด หรืออัตราการเจริญเติบโตของสินค้า โดยวัดอัตราการขนายตัวของตลาดสินค้าทั้งตลาด เนื่องจากอัตราการขยายตัวของตลาดสินค้าทั้งตลาดไม่ใช่ของบริษัท เพราะเกณฑ์ที่ใช้นี้เพื่อต้องการดูว่าตลาดสินค้านั้น ๆ มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งถ้าสินค้าและบริการของบริษัทอยู่ในตลาดที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูง ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจมีโอกาสที่จะสร้างรายได้และกำไรมากขึ้นในอนาคต
กลยุทธ์ BCG Matrix
BCG Matrix กลยุทธ์ หลังจากนำส่วนแบ่งตลาด และการเติบโตของตลาดมาช่วยในการวิเคราะห์แล้ว Matrix จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. Star หรือธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง อัตราการเจริญเติบโตสูง องค์กรธุรกิจจึงควรลงทุนหรือ
ลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดต่อ หรือเพื่อรองรับความต้องการสินค้าและบริการในตลาดที่กำลังเติบโตขึ้น แต่มีสิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือการที่ตลาดกำลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ย่อมทำให้จะมีคู่แข่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
2. Cash Cow หรือธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง แต่อัตราการเจริญเติบโตต่ำ ลักษณะของธุรกิจ Cash
Cow คือ มีส่วนแบ่งตลาดสูง และอยู่ในตลาดที่มีการเติบโตต่ำ จึงเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้สูง และมีส่วนแบ่งตลาดสูง กลยุทธ์สำหรับธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มนี้คือ รักษามาตรฐานการทำธุรกิจ รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจต่อไป กรณีที่บริษัทต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น ก็สามารถนำเงินที่ได้จากธุรกิจ Cash Cow ไปลงทุนหรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีโอกาสสร้างการเติบโตกว่าปัจจุบันก็ได้
3. Question Marks หรือธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ แต่ตลาดมีอัตราการเจริญเติบโตสูง ธุรกิจ
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบสถานการณ์ที่หลายธุรกิจมักพบเจอ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ โดยมีลักษณะคือ มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ แต่อยู่ในตลาดที่มีการเติบโตสูง มักเป็นสินค้าและบริการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและต่อเนื่อง กลยุทธ์ในการทำธุรกิจในกลุ่มนี้ จึงต้องเลือกลงทุนให้กลายเป็น Star หรือทิ้ง
4. Dogs หรือธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ และตลาดมีอัตราการเติบโตต่ำ มักทำกำไรได้น้อย ทั้งจาก
ส่วนแบ่งตลาดต่ำและตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่ำ ซึ่งอาจเกิดจากสินค้าและบริการที่เคยนิยมนั้น ลูกค้าไม่นิยมแล้ว และถ้าเรายิ่งฝืนทำต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจทำให้เราขาดทุน รวมทั้งสูญเสียทรัพยากรที่จำเป็นโดยใช่เหตุ กลยุทธ์สำหรับธุรกิจในกลุ่มนี้คือ เลิกลงทุน แล้วนำทรัพยากรที่ยังเหลืออยู่ ไปลงทุนในธุรกิจรูปแบบอื่นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าในอนาคต
BCG Matrix และสร้างการเติบโตให้องค์กรธุรกิจ
แม้ BCG Matrix จะเป็นโมเดลหรือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ด้านการเงินการลงทุนเกี่ยวกับการตลาด ที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับองค์กรธุรกิจ แต่มี 3 สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ได้แก่
1. BCG Matrix ไม่ใช่เรื่องของบริษัท แต่เป็นเรื่องของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งของบริษัท
ซึ่งในองค์กรธุรกิจหรือบริษัทนั้นอาจมีหลายผลิตภัณฑ์ BCG Matrix จึงมีไว้สำหรับการวิเคราะห์สินค้าแต่ชิ้น ไม่ได้เป็นการวิเคราะห์ทั้งบริษัท
2. การวิเคราะห์ BCG Matrix จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำเพียงครั้งเดียว เนื่องจากเมื่อ
ระยะเวลาผ่านไปการแข่งขันของสินค้าแต่ละชนิดอาจเปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของตลาดก็อาจเปลี่ยนแปลงไป การวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอจะทำให้เลือกกลยุทธิ์ได้ถูกต้องและเป็นไปตามสภาพแวดล้อม
3. อัตราการเติบโตของตลาดสูง ไม่ได้หมายความว่าตลาดรวมมีขนาดใหญ่ และอัตราการ
เจริญเติบโตต่ำไม่ได้หมายความว่าตลาดเล็กลง แต่ความหมายที่ถูกต้องคือ อัตราการเติบโตของจำนวนผู้ซื้อสินค้าที่เพิ่มเข้ามาในตลาด
สรุป ประโยชน์ของ BCG Matrix คือ ทำให้องค์กรธุรกิจหรือบริษัทสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ทางการตลาดของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากสามารถสร้างการเติบโตให้องค์กรธุรกิจแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กรอีกด้วย