การมีผิวหน้าที่มีความชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ไม่ลอกและไม่ระคายเคียง เป็นเรื่องที่สาว ๆ ทุกคนต้องการ เพราะจะได้สามารถอวดผิวหน้าที่สวยงามนั้นได้นั่นเอง “มอยเจอร์ไรเซอร์” จึงเป็นเป็นสกินแคร์ไอเทมที่สาว ๆ ทุกคนจะต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งกันอยู่เสมอ วันนี้บทความของเราจึงจะมีเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่จะทำให้ผู้มีผิวแห้งไม่ชุ่มชื่นนั้น ได้ลองไปหาซื้อมาใช้กันดู
มอยเจอร์ไรเซอร์คืออะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ สารที่ใช้ในการเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า ในกรณีที่ผู้ใช้มีผิวหน้าแห้งกร้าน ลอก ไม่ชุ่มชื้นและระคายเคืองง่าย โดยมอยเจอร์ไรเซอร์จะมาในรูปแบบของครีมหรือน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นทั้งหลาย เช่น วาสลีน น้ำมันมะพร้าวและโลชั่นต่าง ๆ ปกติในร่างกายของคนเราหากผิวหนังมีความแห้งมาก ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่ผิวหนังจะเหี่ยวได้เร็วมากขึ้น ดังนั้นการปลอบประโลมและการดูแลผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์จึงเป็นตัวช่วยที่ดีแบบง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปคลินิกเพื่อเสียเงินแพง ๆ นั่นเอง
moisturizing คืออะไร
Moisturizing คือ สารที่ใช้ในการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นแบบซึมลึกถึงผิวชั้นใน ช่วยลดการสูญเสียน้ำในผิวอีกทั้งยังช่วยพยุงผิวของเราให้อุ้มน้ำ ทพำให้ผิวดูอิ่มน้ำและไม่แห้งกร้าน ทำให้ผิวดูมีความอ่อนเยาว์และไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วย ซึ่งในส่วนของ Moisturizing นี้ก็จะมีหลักการที่จะเป็นมอยซ์เจอร์ไรซิงที่ดีได้ นั้น จะประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่
- สามารถทำให้ผิวอุ้มน้ำได้อย่างยาวนาน
- ลดการสูญเสียน้ำในผิว
- สามารถเคลือบบำรุงให้ผิวชั้นนอกดูเปล่งปลั่งไม่แห้งกร้าน
- ช่วยเติมเต็มน้ำให้กับชั้นผิว
Moisturizing จะมีความเด่นชัดและสามารถแยกออกจาก Moisturizer ได้อย่างชัดเจน โดยจะเน้นไปที่การบำรุงผิวชั้นในได้อย่างล้ำลึก และนอกจากจะสามารถบำรุงผิวชั้นในได้อย่างล้ำลึกแล้วในส่วนของผิวชั้นนอกนั้น Moisturizing เองก็จะต้องเคลือบผิวและบำรุงไม่ให้ผิวดูมีความแห้งและทำให้ผิวดูมีความอิ่มน้ำได้อย่างยาวนาน
moisturizer กับ moisturizing ต่างกันยังไง
เรื่องของความแตกต่างระหว่าง Moisturizing และ Moisturizer ซึ่งความแตกต่างของสารทั้งสองอย่างนี้ก็คือเรื่องของการบำรุงในเรื่องของความชุ่มชื้นของผิวที่มีความแตกต่างกัน โดย Moisturizing นั้นจะมีความสามารถในการบำรุงผิวให้ดูอิ่มน้ำไม่แห้งกร้านได้มากกว่า Moisturizer เพราะสามารถบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นในได้อย่างตรงจุด ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำได้อย่างยาวนาน แต่ Moisturizer นั้น จะเน้นไปที่การเคลือบผิวและดูและผิวบริเวณชั้นบนหรือชั้นนอกมากกว่า ทำให้ผิวนั้นยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่แต่จะไม่ล้ำลึกเท่ากับ Moisturizing
แต่สิ่งที่ Moisturizer สามารถทำออกมาได้ดีกว่า Moisturizing ก็คือ การทำให้ผิวนั้นดูมีความฉ่ำวาวแบบเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นสารที่บำรุงผิวชั้นนอกจึงทำให้สามารถเห็นในจุดจุดนี้ชัดเจนมากกว่า อย่างไรก็ตามสารทั้งสองนี้ก็มีความเหมือนกันในเรื่องของการมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพและไม่แห้งกร้านได้ง่าย ๆ เลยค่ะ
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ มีสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวของเรา ดังนั้นการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จึงมีส่วนช่วยที่ทำให้ผิวของเราเกิดความชุ่มชื่น สามารถแก้ปัญหาในเรื่องของผิวแห้งลอกได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการลดความระคายเคืองที่ผิวหนังของเราได้อีกด้วย การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จึงได้รับความนิยมในหมู่ของสาว ๆ ทั้งหลาย ที่ใส่ใจต่อการดูแลผิวให้มีความชุ่มชื่นนั่นเอง อีกทั้งการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ยังมีส่วนช่วยในการชะลอวัยทำให้ผิวหนังดูเต่งตึง ลดความเหี่ยวและหย่อยคล้อยของผิวหนังได้อีกด้วย
การมีตีนกาหรือริ้วรอยบนใบหน้า เป็นปัญที่ค่อนข้างหนักหน่วงสำหรับสาว ๆ ที่มีอายุก้าวเข้าเลข 3 ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง จึงมีปัญหาในเรื่องของผิวแห้งและริ้วรอยต่าง ๆ ที่ตามมา การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จึงสามารถแก้ปัญหาในส่วนตรงนี้ได้ อีกทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ยังมีราคาไม่แพงและสามารถหาซื้อได้ง่ายตามบิวตี้ช็อปและร้านขายยานั่นเอง
มอยเจอร์ไรเซอร์ ทาตอนไหน
การทามอยเจอร์ไรเซอร์ให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการทาหลังครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวที่มีความเข้มข้นจากมากไปหาน้อย ซึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ส่วนใหญ่จะมีความเหนียวและความข้นอยู่พอสมควร ดังนั้นการทามอยเจอร์ไรเซอร์จึงควรทาหลังการทา Eyes Cream หรือ Spot Treatment ต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวครีมสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและช่วยแก้ปัญหาในเรื่องความแห้งของผิวหน้าและรักษาความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี
ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีวิธีการทาสกินแคร์ก่อนนอนทั้ง 9 สเต็ป แต่หากเรียงตามความสำคัญนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทาทุกตัว ควรเลือกเพียงชนิดที่เหมาะสมกับการบำรุงและดูแลปัญหาของผิวหน้าเราก็พอ ซึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์นั้นถือเป็นเบสิกของการบำรุงผิวหน้า และเป็นไอเทมหลักที่จะลืมทาไม่ได้
มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแห้ง
หากคุณเป็นคนผิวแห้ง การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องผิวแห้งได้อย่างดีนั้นก็จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด โดยมอยเจอร์ไรเซอร์แนะนำสำหรับคนที่มีสภาพผิวแห้งไม่อิ่มน้ำนั้น มีดังนี้
CERAV Moisturizing Cream
“CERAV Moisturizing Cream” เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มาในรูปแบบของคนผิวแห้ง หน้าดูไม่อิ่มน้ำ และมีการลอกง่าย โดยครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้จะมาช่วยปรับให้ผิวของเราดูมีความชุ่มชื่นและลดความแห้งของผิวที่เคยเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางแบรนด์ได้ใส่สารเซรามายที่มีความจำเป็นต่อผิวให้ถึง 3 ชนิด ที่จะมาช่วยในการเคลือบผิวให้มีความอิ่มน้ำและไม่แห้งกร้านอีกต่อไปนั่นเอง
Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion
“Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion” เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ของแบรนด์ Hada Labo ตัวดัง ที่มียอดขายถล่มทลาย ซึ่งก็มาในรูปแบบของโลชั่นที่มีการผสมไฮยาลูรอนิค เอซิด ถึง 4 ขนาด ที่จะช่วยทำให้ผิวมีความฟูและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าและปรับสมดุลให้กับผิวของเราพร้อมรับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ได้อย่างล้ำลึกมากยิ่งขึ้น
The Ordinary Hyaluronic Acid 2% + B5 HydrationH3
“The Ordinary Hyaluronic Acid 2% + B5 Hydration” อีกหนึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้กันเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาจะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ในรูปแบบของเซรัมที่สามารถเข้าช่วยรักษาผิวที่มีความแห้งไม่อิ่มน้ำได้อย่างตรงจุด แถมยังใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 1-3 หยด ก็สามารถทาได้ทั่วใบหน้าแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเซรัมที่เป็นตัวเตรียมผิวในการลงสกินแคร์ขั้นตอนต่อไปได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย
สำหรับผู้ที่มีสภาพผิวเป็นผิวมันหรือผิวแพ้ง่าย และมีความระคายเคืองนั้น การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นแบบ Oil Free ไม่มีน้ำมัน มีความบางเบา และสามารถซึมู่ผิวได้ง่ายจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากผู้ที่มีสภาพผิวหน้ามันนั้น จะมีโอกาสเกิดการอุดตันของผิวและเกิดสิวได้มากกว่าคนที่มีผิวหน้าปกติหรือผิวหน้าแห้ง โดยมอยเจอร์ไรเซอร์แนะนำสำหรับผู้มีปัญหาผิวมัน มีดังนี้
Neutrogena Hydro Boost Water Gel
“Neutrogena Hydro Boost Water Gel” เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ในรูปแบบเจลเข้มข้นที่พร้อมรับการบำรุงอย่างล้ำลึก โดยทางแบรนด์ได้ใส่ไฮยาลูรอนิคมามากพอสมควร เพื่อทำให้ผิวดูนิ่มฟู กระชับและสามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้น รวมถึงยังมีส่วนผสมสารสกัดจากมะกอกที่จะเข้ามาช่วยปลอบประโลมผิวและทำให้ผิวของเราดูแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญไม่มีน้ำมัน ไม่มีพาราเบนและไม่มีน้ำหอม ผู้ที่แพ้น้ำหอมหรือผิวแพ้ง่ายจึงสามารถใช้ได้
KIEHL’S Ultra Facial Oil Free Gel Cream
“KIEHL’S Ultra Facial Oil Free Gel Cream” เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มาในรูปแบบของเจลครีม ซึ่งเหมาะสำหรับคนผิวมันเป็นอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งทางแบรนด์ยังใส่ Micronized Amino Acid จึงทำให้รู้สึกเย็นสบาย เมื่อใช้งานนั่นเอง และเหมาะสุด ๆ สำหรับผู้ที่หน้ามักมีความมันตลอดวัน มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง ทำให้หมดกังวลเรื่องหน้ามันไปเลยค่ะ
Clean & Clear Essentials Oil-Free Moisturizer
“Clean & Clear Essentials Oil-Free Moisturizer” เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้กันอย่างแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ยอดฮิตในหมู่นักเรียนนักศึกษา ซึ่งมีราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย แถมประสิทธิภาพของตัวมอยเจอร์ไรเซอร์ก็ไม่ธรรมดา เนื่องจากมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ไลองใช้แล้วต้องหาซื้อมาใช้อีกนั่นเอง
บทสรุปมอยเจอร์ไรเซอร์
มอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นสกินแคร์ตัวสำคัญที่จะเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาในเรื่องของสภาพผิวที่มีความแห้ง ไม่กระชับ มีริ้วรอยในจุดสำคัญ หรือที่มีการระคายเคืองต่าง ๆ โดยมอยเจอร์ไรเซอร์นั้นจะทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มที่จะปกป้องผิวให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ นุ่มเนียนและมีความยืดหยุ่น ซึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีนั้นจะสามารถลดการสูญเสียน้ำในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของเราได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและออกฤทธิ์ในทันที ก็จะยิ่งทำให้สามารถเห็นผลที่ดีของผิวหน้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น มอยเจอร์ไรเซอร์จึงถือเป็นสกินแคร์ที่ขาดไม่ได้จากโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเอง